อีก 20 ปีข้างหน้า เราอาจมองไม่เห็นดาวบนท้องฟ้าอีกต่อไป

ในบางค่ำคืนที่ท้องฟ้าไร้ดวงจันทร์และหมู่เมฆ เราอาจมองเห็น ดวงดาวพร่างพราย ดาวตก และดาวเคราะห์บางดวง หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เงียบสงบก็อาจมองเห็นได้กระทั่งทางช้างเผือก แต่โลกในอนาคตจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป หลังนักวิทยาศาสตร์ประเมินว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า เราอาจมองไม่เห็นดวงดาวบนท้องฟ้าอีกต่อไป จาก “มลภาวะทางแสง”

 อีก 20 ปีข้างหน้า เราอาจมองไม่เห็นดาวบนท้องฟ้าอีกต่อไป

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า การใช้หลอดไฟ LED และแหล่งกำเนิดแสงรูปแบบอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างขึ้นในอัตราที่สูงมาก

การใช้แสงจากภายนอก ไฟส่องถนน ไฟป้ายโฆษณา และไฟในสนามกีฬา กำลังทำให้การมองเห็นดวงดาวของเรามืดลงเรื่อย ๆ

ในปี 2016 นักดาราศาสตร์รายงานว่า ในอนาคต 1 ใน 3 ของมนุษยชาติจะไม่สามารถมองเห็นทางช้างเผือกได้อีกต่อไป และมลพิษทางแสงก็เลวร้ายลงอย่างมากตั้งแต่นั้นมา

กลาโหมสหรัฐฯ เผย เตรียมพร้อมสำหรับ “การสู้รบในอวกาศ” คำพูดจาก สล็อต777

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ คลองในเวนิสกลายเป็นสีเขียวเรืองแสง

“มลภาวะทางแสง” ทำให้คนบนโลกมองเห็นดาวบนฟ้าได้น้อยลงเรื่อย ๆ

ในอัตราปัจจุบัน นักวิทย์ประเมินว่า อีกไม่เกิน 20 ปีข้างหน้า เราจะมองกลุ่มดาวหลักส่วนใหญ่ไม่เห็นและจะอ่านค่าไม่ได้ และจะเกิดผลกระทบทั้งในเชิงวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์อย่างรุนแรง

มาร์ติน รีส นักดาราศาสตร์หลวงแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า “ท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมของเรา และมันจะเป็นปัญหาใหญ่หากคนรุ่นหลังจะไม่มีโอกาสได้เห็นมัน เช่นเดียวกับที่พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสเห็นรังนกอีกต่อไป … คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักดาราศาสตร์ก็สนใจเรื่องนี้ได้ ผมไม่ใช่นักวิหควิทยา แต่ถ้าไม่มีนกมาส่งเสียงร้องในสวน ผมคงรู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไป”

รีสเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มสภาเพื่อท้องฟ้าที่มืดมิด ซึ่งเพิ่งจัดทำรายงานเรียกร้องให้มีมาตรการหลายอย่างเพื่อแก้ไขปัญหามลภาวะทางแสง รวมถึงข้อเสนอในการแต่งตั้งรัฐมนตรีและคณะกรรมการเพื่อท้องฟ้าที่มืดมิด และกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดสำหรับความหนาแน่นและทิศทางของแสง

คณะกรรมการเน้นย้ำว่า การแนะนำกฎและมาตรการเพื่อควบคุมแสงรบกวนพร้อมกำหนดบทลงโทษสำหรับการไม่ปฏิบัติตาม สามารถสร้างความแตกต่างที่สำคัญได้

การวิจัยก่อนหน้านี้โดย ดร.คริสโตเฟอร์ ไคบา นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยธรณีวิทยาเยอรมัน ระบุว่า มลภาวะทางแสงกำลังทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างขึ้นในอัตราประมาณ 10% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่คุกคามการมองเห็นของดาวแทบทุกดวง ยกเว้นดาวที่สุกใสที่สุด

มีการคำนวณด้วยว่า เด็กที่เกิดในยุคที่สามารถมองเห็นดาวได้ 250 ดวงในตอนกลางคืน จะมองเห็นดาวได้เพียง 100 ดวงเมื่อถึงอายุ 18 ปี

เรียบเรียงจาก The Guardian

ภาพจาก AFP